ย้อนไปเมื่อปี 2015 Nordlaks บริษัทเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำเก่าแก่ของนอร์เวย์มีแนวคิดริเริ่มโครงการ Havfarm เพื่อเตรียมรับมือกับความต้องการบริโภคสัตว์น้ำที่เพิ่มขึ้นแบบฉุดไม่อยู่ ซึ่งรายงานจากโครงการ Blue Food Assessment ได้คาดการณ์ว่า ความต้องการบริโภคสัตว์น้ำทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่าในช่วงราว 3 ทศวรรษต่อจากนี้ (ระหว่างปี 2015 – 2050) หรือเพิ่มจาก 80 ล้านตันเป็นเกือบ 155 ล้านตันเลยทีเดียว แม้ว่าแต่เดิมนอร์เวย์จะผลิตแซลมอนได้มากที่สุดของโลก ราว 1.2 ล้านตันต่อปี แต่ก็อาจไม่เพียงพอต่อกราฟความต้องการของผู้บริโภคที่พุ่งทะยานแบบต่อเนื่อง

โดยปกติแล้วนอร์เวย์มักเลี้ยงปลาแซลมอนบริเวณ ‘ฟยอร์ด (Fjord)’ อ่าวบริเวณชายฝั่งทะเลที่เกิดจากการกัดเซาะของธารน้ำแข็งจนเว้าแหว่ง มีลักษณะแคบและยาว นอกจากฟยอร์ดจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่ขึ้นชื่อเรื่องความสวยงามตระการตาของนอร์เวย์แล้ว อ่าวเล็กๆ เหล่านี้ยังเป็นศูนย์กลางของอุตสาหกรรมประมงของประเทศ เพราะเป็นแหล่งน้ำลึกของมหาสมุทรที่มีแนวภูเขาสูงชันโอบล้อม ส่วนแหล่งน้ำก็เป็นน้ำเกลือที่เย็นและสะอาด เหมาะสมแก่การเลี้ยงปลาแซลมอนเป็นที่สุด

แต่ให้เพิ่มฟาร์มแซลมอนบริเวณฟยอร์ดที่มีพื้นที่ค่อนข้างจำกัดคงจะไม่ดี เพราะกรงอวนอาจอยู่ติดกันเกินไป จนส่งผลกระทบต่อสุขภาพและความเป็นอยู่ของสัตว์น้ำ ดังนั้น Nordlaks จึงต้องหาแนวทางใหม่ให้โจทย์นี้ ซึ่งคำตอบที่ได้คือการย้าย ฟาร์มแซลมอน ไปไว้กลาง ‘ท้องทะเล’

Nordlaks จับมือกับ NSK Ship Design บริษัทออกแบบเรือระหว่างประเทศเพื่อพัฒนา Havfarm ให้เป็นรูปเป็นร่าง โดยในปี 2017 Nordlaks ได้รับใบอนุญาตในการพัฒนาโครงการดังกล่าว 21 ฉบับจากกรมประมงนอร์เวย์ในการก่อสร้างฟาร์มสองแห่ง ได้แก่ Havfarm 1 และ Havfarm 2 ซึ่งวันนี้เราจะพาทุกคนไปสำรวจฟาร์ม Havfarm 1 ฟาร์มนอกชายฝั่งแห่งแรกของ Nordlaks นั่นเอง

โครงเหล็กยักษ์บนผืนน้ำ

ฟาร์มแซลมอน กลางทะเลนอร์เวย์ ยกระดับการประมงที่ยั่งยืน havfarm

การออกแบบ Havfarm 1 ถือเป็นโปรเจกต์ที่ค่อนข้างซับซ้อนทั้งในแง่ของการออกแบบไซซ์ของฟาร์มลอยน้ำขนาดใหญ่ รวมไปถึงฟังก์ชันและสภาพแวดล้อมที่เหมาะกับการเลี้ยงแซลมอน ซึ่งบริษัทสัญชาตินอร์เวย์อย่าง NSK Ship Design ต้องพัฒนาทั้งเทคโนโลยีและเครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูลใหม่ๆ รวมไปถึงใช้ทีมวิศวกรจำนวนมากในการพัฒนาโครงเหล็กที่ทนทานต่อสภาพอากาศและเหมาะกับการผลิตอาหาร เมื่อการออกแบบเสร็จสมบูรณ์ Havfarm 1 ก็สร้างขึ้นในเมืองยานไถ ประเทศจีน ก่อนขนส่งและติดตั้งที่กลางทะเลในเทศบาลฮัดเซล (Hadsel) ประเทศนอร์เวย์สำเร็จในปี 2020

Havfarm 1 คือฟาร์มลอยน้ำรูปทรงเหมือนเรือขนาดใหญ่ ยาว 385 เมตร กว้าง 59.5 เมตร สามารถจุปลาแซลมอนได้มากถึง 10,000 ตัน หรือราว 2 ล้านตัว และยังทนต่อคลื่นสูงถึง 10 เมตร ภายใน Havfarm แบ่งเป็นยูนิตย่อยสำหรับใช้เป็นคอกเลี้ยงปลา ซึ่งแต่ละคอกก็มีโครงเหล็กป้องกันปลาจากสภาพอากาศและอันตรายจากภายนอก อีกทั้งยังมีระบบฉีดน้ำแรงดันสูงที่ทำให้ปรสิตอย่างเหาทะเล (Sea Lice) ไม่สามารถเข้ามาโจมตีปลาแซลมอนในยูนิตได้ Havfarm จึงไม่ใช่การออกแบบฟาร์มที่ทนทานต่อสภาพอากาศแปรปรวนเท่านั้น แต่ยังต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของปลาและผู้คนที่ทำงานในฟาร์มอย่างรอบด้านด้วย

แม้ว่า Havfarm 1 จะเป็นฟาร์มประเภท ‘Stationary Model’ ซึ่งเป็นโครงสร้างที่ประจำอยู่กับที่ ไม่ได้เคลื่อนที่ไปโลเคชันอื่นๆ แต่ภายใต้โครงเหล็กยักษ์นี้ได้ติดตั้งใบพัดที่ทำให้ฟาร์มลอยน้ำแห่งนี้หมุนรอบจุดศูนย์กลางเป็นลักษณะวงกลมได้ กระบวนการนี้เรียกว่า ‘Weathervaning’ เป็นการเพิ่มพื้นที่เพื่อรองรับของเสียที่อาจรั่วไหลจากกิจกรรมตกปลา และยังช่วยผ่อนน้ำหนักที่กดทับบริเวณสมอเรือซึ่งอาจมาจากทิศทางใดทิศทางหนึ่งของฟาร์มอีกด้วย

ฟาร์มแซลมอน เพื่อประมงยั่งยืน

ฟาร์มแซลมอน กลางทะเลนอร์เวย์ ยกระดับการประมงที่ยั่งยืน havfarm

แม้ว่าการทำฟาร์มกลางทะเลจะไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับนอร์เวย์หรือโลกของเราก็ตาม แต่ Havfarm อาจเป็นหนึ่งในเครื่องมือสำคัญที่ช่วยควบคุมผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม เพราะทาง Nordlaks ได้รับใบอนุญาตให้ก่อสร้างฟาร์มแห่งนี้ภายใต้เงื่อนไขที่ว่าจะไม่สร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในระยะยาว

ทางบริษัทได้ออกแบบฟาร์มที่มุ่งช่วยลดการปล่อยมลพิษสู่ชั้นบรรยากาศ เพราะ Havfarm ใช้ไฟฟ้าที่จ่ายมาจากบนบก รวมถึงได้รับพลังงานจากเรือไฮบริด (Hybrid Wellboat) ที่ NSK Ship Design พัฒนาขึ้นเพื่อลดผลกระทบต่อระบบนิเวศและลดต้นทุนเชื้อเพลิงเช่นกัน

ที่สำคัญ กระบวนการทั้งหมดของ Havfarm ยังไม่ใช้สารเคมีเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมให้มากที่สุด ซึ่งกระบวนการที่ว่านี้รวมถึงการไม่ใช้สารเคมีในการกำจัดเหาทะเลด้วย เพราะนอกจากสารเคมีจะไม่เป็นมิตรต่อธรรมชาติแล้ว ในอดีตอุตสาหกรรมประมงยังใช้เงินจำนวนมหาศาลไปกับการใช้สารเคมีกำจัดปรสิตที่จะมาทำลายสัตว์น้ำด้วย Havfarm จึงถือเป็นหนึ่งในรูปแบบการทำฟาร์มที่จะเปลี่ยนทิศทางของวงการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ ทั้งในแง่ของต้นทุนและผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม

นอกจาก Havfarm จะเกิดจากความร่วมมือของภาครัฐและเอกชนเพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมประมงที่ยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมแล้ว โปรเจกต์นี้ยังช่วยสร้างงานให้ผู้คนในพื้นที่ทางเหนือของนอร์เวย์ ซึ่งกำลังเผชิญอัตราประชากรเพิ่มสูงขึ้น ที่สำคัญ Havfarm ยังเป็นโครงการที่มุ่งส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีให้เหล่าสัตว์น้ำทั้งหลาย เพราะเมื่อปลาแซลมอนได้อยู่ในคอกที่กว้างขวาง ได้รับอาหารและออกซิเจนเพียงพอ ปลาจะมีสุขภาพดี อุดมสมบูรณ์ ส่วนมนุษย์อย่างเราๆ ก็ได้บริโภคเนื้อปลาที่มีคุณภาพและมีประโยชน์ต่อร่างกายแบบเต็มๆ

Havfarm ถือเป็นหนึ่งในโมเดลฟาร์มแซลมอนกลางทะเลที่น่าสนใจ ทั้งในแง่การใช้เทคโนโลยี การคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม รวมไปถึงความร่วมมือระหว่างภาครัฐ เอกชน และบริษัทระหว่างประเทศ จนสามารถยกระดับการประมงที่ยั่งยืนให้เห็นเป็นรูปเป็นร่างได้สำเร็จ

อย่างไรก็ตาม Havfarm เพิ่งดำเนินการอย่างเป็นทางการได้ราว 2 ปีเท่านั้น ต้องรอติดตามกันต่อไปว่า ในอีก 10 – 20 ปีข้างหน้า ฟาร์มที่มีความยูนีกในหลายมิติแห่งนี้จะมีส่วนช่วยพัฒนาการออกแบบฟาร์มสัตว์น้ำของประเทศอื่นๆ ในอนาคต และขับเคลื่อนการประมงยั่งยืนในประเทศตัวท็อปด้านสิ่งแวดล้อมอย่างนอร์เวย์ได้จริงหรือไม่

ขอบคุณแหล่งที่มาจาก fishfarmingexpert

7 คำศัพท์มาแรงเกี่ยวกับเทรนด์สิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนในอนาคต

Previous article

รสชาติจากน้ำใช้แล้ว: สิงคโปร์จับมือกับคราฟท์เบียร์ท้องถิ่นเปิดตัวเบียร์ NEWBrew

Next article

You may also like

More in Innovation