Metaverse เทคโนโลยีโลกเสมือนเชื่อมโยงโลกจริงสู่โลกที่ยั่งยืน

Metaverse (เมตาเวิร์ส) คือโลกแห่งความเป็นไปได้อันไม่มีที่สิ้นสุด

ลองนึกถึงนวนิยายทางวิทยาศาสตร์ วิธีการง่ายที่สุดที่จะเข้าใจ metaverse ได้ดีคือการชมภาพยนตร์ฮอลลีวูดยอดนิยม เช่น Avatar และ Ready, Player One

ในภาพยนตร์เหล่านี้ คือ จักรวาลดิจิทัลสามมิติที่นักแสดงสามารถหลีกหนีจากความจริงทางกายภาพ สามารถมีส่วนร่วมกับผู้อื่นผ่านตัวตนจำลองในโลกเสมือนจริง (avatar: อวาตาร์) ของตนที่สร้างขึ้นมา และสามารถหาประสบการณ์จากทุกสิ่งที่ต้องการได้ โดยมีข้อจำกัดเพียงจินตนาการของมนุษย์และเทคโนโลยีเท่านั้น

นอกจาก เมตาเวิร์ส จะเป็นคู่แฝดทางดิจิทัลของความเป็นจริงในโลกทางกายภาพที่ยอดเยี่ยมของเราแล้ว ยังมีศักยภาพที่แท้จริงซ่อนอยู่ นั่นคือความสามารถในการใช้ความชาญฉลาดทางดิจิทัล ที่เราใช้ประโยชน์อยู่แล้วให้มีประสิทธิผลมากขึ้น และทำให้มองเห็นแนวทางการเปิดเผยข้อมูลเชิงลึกใหม่ ๆ ที่ไม่เช่นนั้นก็อาจยังคงซ่อนอยู่ออกมา และนี่อาจเป็นหัวใจสำคัญที่จะช่วยให้เราแก้ปัญหาต่าง ๆ ของโลกแห่งความเป็นจริง และสร้างโลกที่เขียวชอุ่มมากขึ้น มีความเสมอภาคและมีส่วนร่วมซึ่งกันและกันมากขึ้น และเป็นโลกที่มีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี

แต่ Metaverse จะทำให้โลกของเรานั้น กลายเป็นโลกที่ดีขึ้น ได้จริงหรือ

ลองไปฟังบทสัมษาณ์ของผู้บิรหารจากหลายมุมโลกว่าเขามีความคิดเห็นอย่างไรกันบ้าง

เริ่มจากทางด้าน เจเรมี ไบเลนซัน ผู้ก่อตั้งและผู้อำนวยการห้องปฏิบัติการ Virtual Human Interaction มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด กล่าวว่า VR ส่งผลดีต่อการพัฒนาเชิงสังคมได้จริง โดยเขายกตัวอย่างการศึกษาของสถาบัน ซึ่งทำการวิจัยโดยให้นักเรียนได้มีปฏิสัมพันธ์กับอวตารของตนเอง ซึ่งอวตารนี้มีวัย เพศและเชื้อชาติที่ต่างจากตัวตนที่แท้จริง จากผลจากการศึกษาพบว่าประสบการณ์นี้ช่วยให้นักเรียนมีความเห็นอกเห็นใจคนที่มีภูมิหลังต่างจากตนเองมากขึ้น

นอกจากนี้ เทคโนโลยี VR ยังช่วยกระตุ้นสำนึกคนให้ร่วมอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและใส่ใจปรับปรุงความรู้พื้นฐานที่จำเป็นของตนเองมากขึ้น เพราะ ในโลกเสมือนจริง คนสามารถลงมือทำสิ่งต่าง ๆเรียนรู้ประสบการณ์บางอย่าง ที่ในโลกความจริงคนเราไม่สามารถทำได้ “เทคโนโลยีนี้จะช่วยเปลี่ยนมุมมองที่คุณมีต่อผู้อื่น และเป็นเครื่องมือที่จะช่วยให้คุณเห็นโลกในมุมมองใหม่ได้”

Metaverse เทคโนโลยีโลกเสมือนเชื่อมโยงโลกจริงสู่โลกที่ยั่งยืน

ทางด้าน ชาเจย์ บูซาน กรรมการบริหาร จากบริษัทออกแบบชื่อดัง Zaha Hadid Architects เสริมว่าการใช้ Metaverse ในงานออกแบบจะแปลงสภาพเมืองใหญ่ที่แออัดด้วยรถราและเครื่องจักรให้กลายเป็นเมืองที่เป็นมิตรกับผู้คนได้ สร้างชุมชนเมืองให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี และประชากรจำนวนมากสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

ดร.การดี เลียวไพโรจน์ ผู้อำนวยการบริหาร ฟิวเจอร์เทลส์ แล็บ บริษัทแมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (FutureTales Lab By MQDC) และ Foresight Researcher ในงาน เมตาเวิร์ส Unlimited กล่าวว่า ตั้งเป้าสร้างอาณาจักรโลกเสมือนจริงให้เป็นสะพานเชื่อมต่อระหว่างโลกแห่งความจริงและโลกเสมือนจริง เพื่อเป็นแรงขับเคลื่อนให้เกิดการพัฒนาการสร้างความสุขอันยั่งยืนด้วยการสร้างสมดุลให้กับสังคมและเศรษฐกิจ “องค์ความรู้และไอเดียต่าง ๆ จากงานฟอรั่มนี้ได้ร่วมสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้คนทั่วโลกเข้าร่วมโครงการ เมตาเวิร์ส ของเรา ที่ Translucia เมตาเวิร์ส แห่งนี้ จินตนาการจะกลายเป็นจริง”

แม้ว่า เมตาเวิร์ส เป็นการพัฒนาที่น่าตื่นเต้น แต่ก็ชัดเจนว่าจะทำให้เกิดความต้องการใช้พลังงานและมีการผลิตเพิ่มขึ้นอย่างมาก

องค์กรต่าง ๆ สามารถจัดการกับความท้าทายเหล่านี้ได้ด้วยการพิจารณาใช้บริการดาต้าเซ็นเตอร์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งได้รับการออกแบบ สร้าง และดำเนินงาน เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมให้เหลือน้อยที่สุด

โดยผสานกับเทคโนโลยีหลักที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น การระบายความร้อนด้วยของเหลวเพื่อลดการใช้พลังงาน การเพิ่มประสิทธิภาพในการประมวลผลเพื่อประหยัดการใช้ไฟฟ้า การใช้ระบบติดตามตรวจสอบที่เป็นอัตโนมัติ การบำรุงรักษาและการเพิ่มประสิทธิภาพให้กับงานอื่น ๆ ที่ใช้พลังงานมาก

การที่เราต้องพึ่งพาเทคโนโลยีมากขึ้น รวมถึงการใช้ เมตาเวิร์ส ที่ต้องใช้พลังงานมากขึ้น ทำให้เราต้องยึดมั่นกับแนวทางการทำงานเพื่อความยั่งยืนและมีความรับผิดชอบทั้งในปัจจุบันและในอนาคต

ขอบคุณแหล่งที่มาจาก thaipost terrabkk

น้ำมันรั่วในทะเล กระทบสิ่งแวดล้อมอย่างไร

Previous article

สิ่งแวดล้อมที่น่าจับตามองปี 2022

Next article

You may also like

More in Innovation