The Ocean Cleanup เทคโนโลยีลดมลพิษทางทะเลที่ดีที่สุด

The Ocean Cleanup เทคโนโลยีลดมลพิษทางทะเลที่ดีที่สุด

คุณรู้ไหมว่า..

ในแต่ละปี… มนุษย์ทิ้งขยะพลาสติกกว่า 300 ล้านตัน

ในแต่ละปี…นกทะเลกว่า  1 ล้านตัวต้องตายเพราะขยะพลาสติกเหล่านี้

และในแต่ละปี…มีสัตว์น้ำจำนวนมหาศาลที่ต้องสังเวยชีวิตตัวเองเพราะขยะมากมาย

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ ว่าทุกครั้งที่มีการทิ้งขยะพลาสติกลงไปตามแนวชายฝั่ง ขยะชิ้นนั้นก็จะล่องลอยอยู่กลางมหาสมุทรแบบที่ไม่รู้อนาคตและที่แย่ไปกว่านั้นคือทุกวันนี้ มีขยะพลาสติกกว่า 5 ล้านล้านชิ้นลอยอยู่กลางมหาสมุทร ซึ่งนึกภาพไม่ออกเลยว่าต้องใช้เงินมากแค่ไหนและต้องใช้เวลานานเท่าไรในการเก็บขยะเหล่านั้นจนหมด

จากปัญหาดังกล่าว ได้กลายเป็นแรงผลักดันที่ทำให้โบยัน สลัต นักศึกษาวิศวกรรมอากาศยานวัย 16 ปี จากประเทศเนเธอร์แลนด์มีความคิดที่อยากจะกำจัดขยะพลาสติกที่อยู่ในท้องทะเลให้ได้มากที่สุด หลังจากที่มีประสบการณ์ตรงจากการไปดำน้ำที่ประเทศกรีซ แล้วได้ข้อสังเกตว่า ในท้องทะเลนั้นมีขยะพลาสติกมากกว่าจำนวนปลาในทะเลเสียอีก เขาจึงเริ่มศึกษาข้อมูลของมหาสมุทรทั้งด้านกายภาพ สิ่งแวดล้อม และสิ่งมีชีวิตในท้องทะเล ทำให้เขาพบสิ่งที่เป็นอุปสรรคใหญ่ที่ไม่เพียงแค่เรื่องปริมาณขยะที่มากมายมหาศาลเท่านั้น แต่กระแสน้ำทะเลยังจะพัดเอาขยะเหล่านี้ไปเกยตื้นและพัดกลับมาที่วังวนน้ำ(gyres)ใจกลางมหาสมุทรอีกครั้งด้วย ก่อนที่จะถึงจุดหยุดนิ่งกลายเป็นแพขยะ(Ocean Garbage Patches) และเมื่อขยะเหล่านั้นโดนแสงแดดแผดเผาทุกวัน ก็จะเปราะและแตกออกเป็นชิ้นเล็กๆ และที่ร้ายไปกว่านั้นคือมันจะปล่อยสารพิษเข้าสู่ห่วงโซ่อาหารในทะเล พร้อมทั้งทำลายระบบนิเวศน์ในน้ำ ส่งผลให้ปลา นก เต่า และสัตว์ทะเลทั้งหลายต้องจบชีวิตของตัวเองอย่างช่วยไม่ได้

ด้วยสภาพที่เกิดขึ้นทำให้การทำความสะอาดท้องทะเลเป็นไปได้ยาก โบยัน สลัต จึงได้เริ่มต้นออกแบบทุ่นลอยน้ำที่มีแขนรูปตัววี ด้วยความยาว 100 กิโลเมตรขึ้นมา โดยมีแนวคิดที่จะอาศัยกระแสลมกับน้ำเป็นตัวที่ช่วยพัดพาให้พวกขยะทั้งหลายมาติดที่แขนทั้งสองข้างของทุ่น แต่สัตว์น้ำลอดผ่านไปได้ ทำให้สามารถดักจับขยะได้ถึง 3 เมตรจากระดับผิวน้ำ โดยไม่ต้องออกแรงแต่อย่างใด เพียงวางให้ถูกจุดเท่านั้น จากนั้นสลัตมีโอกาสได้ขึ้นไปนำเสนอไอเดียที่งาน TEDx Talk ประเทศเนเธอร์แลนด์ เมื่อปี ค.ศ. 2012 ถึงทุ่นเก็บขยะที่เขาคิดจะทำว่าสามารถกำจัดขยะที่ล่องลอยอยู่ในมหาสมุทรแปซิฟิกให้ได้ประมาณ 70 ล้านกิโลกรัม โดยคิดเป็น 42%  ซึ่งเมื่อคิดคำนวณแล้วจะเสียค่าใช้จ่ายเพียง 167 บาทต่อกิโลกรัมเพียงเท่านั้น ถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับวิธีอื่นๆ

และจากการพูดในวันนั้น ทำให้ผู้คนให้ความสนใจจนเกิดเป็นกระแสไวรัลทางอินเตอร์เน็ต มีคนมากมายขอร่วมสนับสนุนทั้งด้านการเงินและร่วมเป็นอาสาสมัครกว่าร้อยคนที่จะมาเป็นทีมเดียวกันกับเขาด้วย

หลังจากนั้นในปี ค.ศ. 2013 สลัตตัดสินใจหยุดพักการเรียน เพื่อมาตั้งองค์กรที่มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า The Ocean Cleanup โดยทำหน้าที่เป็นผู้บริหารเองเต็มตัว และ 1 ปีต่อมาสลัตและเพื่อนๆนักวิทยาศาสตร์ซึ่งร่วมทีมกันกว่า 100 คน ก็ได้สร้าง “เครื่องกำจัดขยะรุ่นทดสอบ” เครื่องแรกสำเร็จ โดยมีขนาด 40 เมตร พร้อมปล่อยลงสู่ผิวน้ำใกล้เกาะ Azores  ในประเทศเนเธอร์แลนด์ ในเดือนมีนาคมของปีนั้นเอง พร้อมทั้งร่วมกันเขียนรายงานถึงความเป็นไปได้ที่จะทำความสะอาดทะเลจากขยะพลาสติก โดยไม่สร้างความเสียหายต่อชีวิตในท้องทะเล ซึ่งพวกเขามีเป้าหมายที่ชัดเจนคือต้องการที่จะกำจัดแพขยะที่ลอยอยู่กลางทะเลแปซิฟิคภายในระยะเวลา 10 ปี และหลังจากรายงานชิ้นนี้ได้ถูกเผยแพร่ออกไป ทำให้พวกเขาได้รับการสนับสนุนอย่างมากมายจากนักลงทุนกว่า 38,000 คนจาก 160 ประเทศทั่วโลก โดยมีจำนวนเงินถึง 2.2 พันล้านดอลลาร์ ภายในระยะเวลาเพียง 100 วันเท่านั้น

จากจุดนี้เอง ทำให้ทีมของสลัต สามารถดำเนินการติดตั้งเครื่องเก็บขยะตัวที่ 2 ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นถึง 2 กิโลเมตร ที่ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งนับเป็นโครงสร้างลอยน้ำจากฝีมือมนุษย์ที่ยาวที่สุดในโลกในเวลานั้น แต่เป้าหมายของพวกเขาคือต้องการเครื่องที่มีขนาด 100 กิโลเมตร เพื่อที่จะทำความสะอาดท้องทะเลให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ และในขณะเดียวกัน ก็มีทีมงานบางส่วนที่ได้ล่องเรือไปยัง North Atlantic Gyre เพื่อสำรวจพื้นที่เพิ่มเติมควบคู่กับการทำโปรเจ็กใหม่แบบคู่ขนานกันไป

“การแก้ที่ดีที่สุดคือการแก้ที่ต้นทาง แก้ที่เรา แก้ที่การเลิกทิ้งตั้งแต่แรก”  นี่คือสิ่งที่โบยัน สลัต ผู้ก่อตั้งองค์กร The Ocean Cleanupได้กล่าวเอาไว้ เพื่อสร้างความตระหนักให้กับทุกคนถึงมุมมองในการเป็นผู้พิทักษ์ท้องทะเลด้วยกัน เพราะนี่คือสมบัติที่ธรรมชาติได้มอบไว้ให้กับเราทุกคนเป็นผู้ดูแล

 

ติดตามข่าวสารและบทความเกี่ยวกับ The Sustain – ธุรกิจและความยั่งยืน พลังงาน ภาวะโลกร้อน ทรัพยากรธรรมชาติ

thesustain.space

Turnoff
นักเขียนอิสระหลากหลายธุรกิจ เขียนคอนเท้นท์ SEO ประสบการณ์มากกว่า 10 ปี turnoffweb.com

Estée Lauder เป็นบริษัทความงามรายแรกที่เข้าร่วมโครงการ EV100 ของ Climate Group ที่จะมีรถขนส่ง EV ภายในปี 2030

Previous article

รู้หรือไม่ กาแฟก็สามารถรีไซเคิลได้นะ

Next article

You may also like

More in Innovation