พลังงานความร้อนใต้พิภพคืออะไร

“พลังงานความร้อนใต้พิภพ” หรือ “Geothermal energy” ในภาษาอังกฤษ คือพลังงานที่ได้มาจากความร้อนที่เกิดขึ้นภายในโลก พลังงานนี้มักจะถูกใช้ในการผลิตไฟฟ้าหรือการทำให้อากาศอุ่นในอาคาร

ในโลกมีระบบขนาดใหญ่ที่สร้างความร้อนจากการสลายรังสีของหินแร่, การเคลื่อนไหวของเหลวในเปลือกโลก, และความร้อนที่เหลืออยู่จากการก่อตัวของโลก พลังงานความร้อนใต้พิภพนี้สามารถถูกสกัดเก็บโดยการเจาะลึกลงไปในโลกที่มีความร้อนสูงแล้วนำน้ำร้อนหรือไอน้ำที่ได้มาขับเครื่องกำเนิดไฟฟ้า

ทั้งนี้ ที่ทำให้พลังงานความร้อนใต้พิภพน่าสนใจอย่างหนึ่งคือ มันเป็นแหล่งพลังงานที่ทำความสะอาดและยั่งยืน เพราะว่า มันไม่ส่งผลกระทบต่อสภาวะภูมิอากาศ และมีอยู่เกือบทุกที่ในโลก แม้ว่าจะต้องมีการลงทุนเริ่มต้นที่สูง แต่จะเป็นการคุ้มค่าในระยะยาว

พลังงานความร้อนใต้พิภพมีข้อดีและข้อเสียดังนี้:

ข้อดี:

  1. แหล่งพลังงานที่ต่อเนื่องและยั่งยืน: พลังงานความร้อนใต้พิภพไม่ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศหรือเวลาในวัน ทำให้สามารถใช้พลังงานได้ตลอดเวลา
  2. ส่งผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมน้อย: สิ่งปล่อยลงในบรรยากาศจากการใช้พลังงานความร้อนใต้พิภพน้อยมากเมื่อเทียบกับการใช้พลังงานจากน้ำมันดิบหรือถ่านหิน
  3. สามารถใช้ในการผลิตไฟฟ้าหรือการทำให้อากาศอุ่นๆ

ข้อเสีย:

  1. ค่าใช้จ่ายในการสร้าง: การสร้างสถานีไฟฟ้าจากพลังงานความร้อนใต้พิภพนั้นมีต้นทุนสูง เพราะต้องเจาะลึกลงไปในโลก
  2. ไม่สามารถหาได้ทุกที่: แหล่งพลังงานความร้อนใต้พิภพมักจะพบได้บนบริเวณที่มีกิจกรรมจากเวกเนียนหรือแผ่นดินสะเทินท์ เช่น อิซแลนด์ หรือนิวซีแลนด์
  3. สามารถก่อให้เกิดแผ่นดินไหว: การสกัดแร่ภูมิหรือน้ำที่มีอุณหภูมิสูงจากลึกในโลกอาจส่งผลกระทบต่อความเสถียรของโครงสร้างใต้ดิน และในบางกรณีทำให้เกิดแผ่นดินไหว
พลังงานความร้อนใต้พิภพ กับ สิ่งแวดล้อม

พลังงานความร้อนใต้พิภพมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมทั้งด้านบวกและด้านลบ:

ด้านบวก:

  1. สะอาดและยั่งยืน: การใช้พลังงานความร้อนใต้พิภพไม่สร้างก๊าซเรือนกระจกหรือสารพิษขึ้นอยู่กับที่มาของแหล่งพลังงาน, ทำให้เป็นอย่างหนึ่งของการลดภาวะโลกร้อน.
  2. มีการทำงานตลอดเวลา: ไม่เหมือนกับพลังงานทางเลือกอื่น ๆ ที่ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศหรือเวลาของวัน, พลังงานความร้อนใต้พิภพสามารถสร้างได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทำให้มีประสิทธิภาพสูงในการผลิตพลังงานและลดการใช้แหล่งพลังงานที่สกปรก.

ด้านลบ:

  1. การเจาะลึกลงไปในโลก: การสกัดพลังงานความร้อนใต้พิภพนั้นต้องทำการเจาะลึกลงไปในโลก, ซึ่งเป็นการกระทบต่อสภาพภูมิศาสตร์ใต้ดิน.
  2. ก๊าซเรือนกระจก: ถึงแม้ว่าการสกัดพลังงานจากความร้อนใต้พิภพจะสร้างก๊าซเรือนกระจกน้อยกว่าแหล่งพลังงานดั้งเดิม, แต่ในบางกรณีก็อาจจะมีการปล่อยก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์หรือก๊าซไนตรัสออกไซด์ซึ่งเป็นก๊าซเรือนกระจกได้.
  3. แผ่นดินไหว: ในบางกรณี, การสกัดพลังงานความร้อนใต้พิภพอาจก่อให้เกิดแผ่นดินไหวได้.
  4. การลดน้ำใต้ดิน: ในบางครั้ง, การสกัดพลังงานความร้อนใต้พิภพอาจจะลดระดับน้ำใต้ดินในบริเวณที่สกัดพลังงาน.
  5. การส่งเสียงรบกวน: โครงการเก็บเกี่ยวพลังงานความร้อนใต้พิภพอาจจะสร้างเสียงรบกวนในระหว่างการขุดเจาะและการทำงาน.
Turnoff
นักเขียนอิสระหลากหลายธุรกิจ เขียนคอนเท้นท์ SEO ประสบการณ์มากกว่า 10 ปี turnoffweb.com

บางจาก มอบสมนาคุณพิเศษ เติมน้ำมันบางจากครบ 900 บาท รับข้าวลดโลกร้อน Thai Rice NAMA เนื่องในวันสิ่งแวดล้อมโลก

Previous article

โมเดอร์นฟอร์มเปิดตัวแคมเปญ “Living as One” พร้อมจับมือมาร์ค มรุวุตม์ สร้างสรรค์เฟอร์นิเจอร์ต้อนรับ Pride Month

Next article

You may also like

More in Life